วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

การแต่งกายไทย




การแต่งกายไทย


การแต่งกายไทย ในอดีต-ปัจจุบัน


ชาติไทย เป็นชาติใหญ่ใน เอเชีย มาแต่ก่อน พุทธกาล เรามีแบบ เครื่องแต่งกาย ของเรา โดยไม่ได้ ลอกแบบ ใคร ทั้งสิ้น ไทยสมัย นั้น ชายหญิง ตาม การสันนิษฐาน ว่า นุ่งกางเกง กันเป็นพื้น เราเคยเข้าใจว่า จีนนุ่งกางเกง มาก่อนไทย เพราะมีคำว่า ”กางเกงจีน” ทำให้เราเข้าใจเช่นนั้น แท้จริงแล้ว จีน น่าจะลอกแบบ ไปจากไทย ด้วยซ้ำ ตามหลักฐาน การค้นคว้า ภายหลังทำให้ทราบชัดขึ้นว่า ไทยไม่ได้ เชื้อสาย มองโกเลีย กับจีน แต่ไทยเรา น่าจะเป็น เชื้อสาย กับ ”มาเลเซีย” มากกว่า และก็ได้แผ่ขยายขึ้นไปจาก แผ่นดิน แหลมทอง ไม่ได้ลงมาจากเหนือ สิ่งที่เป็น พยานหลักฐาน นับว่าได้แก่ บรรดา เครื่องมือดิน และ พวกภาชนะ เครื่องปั้นดินเผา นั่นเอง ทั้งจีนเองก็เพิ่ง เคลื่อนย้าย มาอยู่ ตามแถบ แม่น้ำไหล ( สาขาของ แม่น้ำ แยงซีเกียง ) เรื่องราว 2000 ปี ก่อนพุทธศก นี้เอง แต่ไทยเรา ครอบครองแดน จีน มา ไม่ต่ำกว่า 4500 ปีแล้ว การแต่งกาย ของจีน นั้น รุ่มร่มกว่า เพราะต้องอยู่กับอากาศหนาว และต้องผ่าน ทะเลทราย โคบี อันไพศาล มาด้วย ประกอบกับ ไทยต้องอยู่ในประเทศ ลุ่มๆ ดอนๆ จึงจำต้อง แต่งกาย ให้เหมาะสม และสะดวก ใน การเดินทาง ซึ่งในสมัยนั้น จะดีกว่า การเดินเท้าเปล่า ก็เพียงเลื่อน และ เกวียน การแต่งกาย จึงขึ้นอยู่กับ การอาชีพ สภาพของ ดินฟ้าอากาศ และ ภูมิประเทศ นี่เป็น การสันนิษฐาน เรื่องไทย นุ่งกางเกง มาก่อน

ตำขนุน

ตำขนุน
เครื่องปรุง

ขนุนอ่อนต้มสุก

น้ำมันพืช

มะเขือเทศลูกเล็ก ผ่าครึ่ง

ใบมะกรูดหั่นฝอย

ผักชีหั่นหยาบ

หอมแดงเจียว

กระเทียมเจียว

น้ำปลาร้าต้มสุก

น้ำปลา

2 ถ้วย

3 ช้อนโต๊ะ

15 ลูก

1 ช้อนโต๊ะ

2 ช้อนโต๊ะ

2 ช้อนโต๊ะ

2 ช้อนโต๊ะ

1/2 ช้อนชา

1 ช้อนโต๊ะ


เครื่องแกง

พริกแห้งเผา

หอมแดงเผา

กระเทียมเผา

ข่าหั่นละเอียด

กะปิ

เกลือ

5 เม็ด

5 หัว

3 หัว

2 ช้อนโต๊ะ

1 ช้อนชา

1/2 ช้อนชา


วิธีทำ

1 โขลกพริก กระเทียม หอมแดง ข่า เกลือและกะปิ ให้ละเอียด

2 ใส่ขนุนต้มสุก ตำให้เข้ากัน ใส่มะเขือเทศ ตำพอแตก เติมน้ำปลาร้า น้ำปลา คนให้เข้ากัน พักไว้

3 นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพอร้อน นำตำขนุนลงผัด จนมะเขือเทศสุก

4 ตักใส่จาน โรยด้วยใบมะกรูด ผักชี หอมแดงเจียว กระเทียมเจียว

นิยมรับประทานกับแคบหมู หอมหัวใหญ่

ลาบ




ลาบ เป็นการปรุงอาหารโดยนำเนื้อสัตว์ มาสับหรือหั่น แล้วนำไปทำให้สุกด้วยความร้อนอาจคั่วหรือลวกในน้ำเดือด ปรุงรสด้วย พริกแห้งป่น ข้าวคั่ว น้ำปลาร้า น้ำปลา และน้ำมะนาว (สำหรับผู้ชอบรสเปรี้ยว) หรือน้ำดี (สำหรับผู้ชอบรสขม) คลุกเคล้าให้เข้ากัน แต่งกลิ่นด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย ต้นหอมหั่นฝอย หอมเปและใบสะระแหน่ รับประทานกับผักสด เช่น ลิ้นฟ้า ผักหนอก (ใบบัวบก) ผักแพว (ไผ่) กระโดน เม็ก ใบมะตูมอ่อน ถั่วฝักยาว แตงกวา ผักกาดหิ่น เป็นต้น

เนื้อสัตว์ที่ใช้ทำลาบ ใช้เนื้อสัตว์ได้ทุกชนิดทั้ง หมู ไก่ วัว ปลา ฯลฯ บางหมู่บ้านจะใช้ เนื้อสัตว์ดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ ส่วนในเมืองจะทำให้เนื้อสัตว์นั้นสุกโดยวิธีคั่ว (นำเนื้อสัตว์นั้นใส่หม้อ หรือกระทะ) ใช้ไฟปานกลาง ไม่ใส่น้ำ น้ำจากเนื้อสัตว์นั้นจะออกมา ผู้ปรุงคนไปมาจนเนื้อสัตว์นั้น สุกจึงยกลง ปล่อยให้เย็นจึงใส่เครื่องปรุงรสต่าง ๆ ลงไป
การปรุงรสของลาบจะมีรสเปรี้ยวนำ ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ข้าวคั่ว เพราะจะทำให้ลาบมี ความข้นและรสกลมกล่อมยิ่งขึ้น เมื่อจิ้มด้วยข้าวเหนียวร้อน ๆ

แกงฮังเล


แกงฮังเล
เครื่องปรุง

ขาหมูเอากระดูกออก

น้ำพริกแกงเผ็ด

ผงฮังเล

เกลือป่น

ซีอิ๊วดำ

น้ำปลา

ขิงซอย หอมแดง กระเทียม

อย่างละ

กระท้อนเปรี้ยวสับ

น้ำตาลอ้อย

มะขามเปียก

น้ำซุป

1 กิโลกรัม

1 1/2 ขีด

1 1/2 ช้อนชา

1 ช้อนชา

2 ช้อนโต๊ะ

2 ช้อนโต๊ะ

1 ขีด

1 ถ้วย

5 ช้อนโต๊ะ

1 ถ้วย

4 ถ้วย


วิธีทำ

1 หั่นขาหมูเป็นชิ้น 1 1/2 นิ้ว คลุกด้วยพริกแกงเผ็ด ผงฮังเล ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา และเกลือ หมักไว้ 4 ชั่วโมง

2 นำขาหมูที่หมักไว้ใส่หม้อตั้งไฟร้อนปานกลาง คนตลอดเวลา 30 นาที

3 ใส่กระท้อนสับลงไป คนต่อ 5 นาที

4 ใส่น้ำตาลอ้อยลงไป คนต่อ 5 นาที

5 ใส่มะขามเปียกลงไป คนต่อ 5 นาที

6 ใส่ขิงซอย หอมแดง กระเทียม คนให้เข้ากัน

7 ใส่น้ำซุป 3-4 ถ้วย คนให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน 1 ชั่วโมง จนเปื่อยได้ที่ ชิมดู อาจเติมน้ำปลาเพิ่มเติม

ขนมจีนน้ำเงี้ยว

ขนมจีนน้ำเงี้ยว
เครื่องปรุง

ซี่โครงหมูตัดเป็นชิ้น 1 นิ้ว (ต้มให้นุ่ม)

เลือดหมู หั่นเป็นลูกเต๋า 1 นิ้ว

มะเขือเทศลูกเล็ก ผ่าครึ่ง

เกลือ

น้ำมันพืช

น้ำซุป (น้ำต้มกระดูหมู)

1/2 กิโลกรัม

1/2 กิโลกรัม

1/2 กิโลกรัม

2 ช้อนโต๊ะ

2 ช้อนโต๊ะ

6 ถ้วย

เครื่องแกง

พริกแห้ง

รากผักชีหั่นฝอย

ข่าหั่นละเอียด

ตะไคร้ซอย

กะปิ

หอมแดง

กระเทียม

7 เม็ด

1 ช้อนชา

1 ช้อนชา

2 ช้อนชา

2 ช้อนชา

7 หัว

3 หัว


วิธีทำ

1 โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด นำลงผัดในน้ำมันให้หอม ใส่หมูสับ ผัดจนเข้ากัน

2 เทลงหม้อน้ำต้มกระดูกหมู ใส่ซี่โครงหมู แล้วใส่เลือดหมู มะเขือเทศ

3 ปรุงรสด้วยเกลือ พอเดือดอีกครั้ง ยกลง เสร็จขั้นตอนทำน้ำเงี้ยว

4 จัดขนมจีนใส่จานพร้อมเครื่องเคียง ราดด้วยน้ำเงี้ยวที่ทำไว้

เข็มทิศ



เข็มทิศ (อังกฤษ: magnetic compass) คือเครื่องมือสำหรับใช้หาทิศทาง มีเข็มแม่เหล็กที่แกว่งไกวได้อิสระในแนวนอนทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ ตามแรงดึงดูดของแม่เหล็กโลก และที่หน้าปัดมีส่วนแบ่งสำหรับหาทิศทางโดยรอบ เข็มทิศจึงมีปลายชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ (อักษร N หรือ น) เมื่อทราบทิศเหนือแล้วก็ย่อมหาทิศอื่นได้โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านขวามือเป็นทิศตะวันออก ด้านซ้ายมือเป็นทิศตะวันตก ด้านหลังเป็นทิศใต้ การบอกทิศทางในแผนที่โดยทั่วไป คือการบอกเป็นทิศที่สำคัญ 4 ทิศ คือทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก หรืออาจจะบอกละเอียดเป็น 8,16 หรือ32ทิศก็ได้


การบอกทิศทางแบบอะซิมุท (Azimuth)


เป็นวิธีการที่คิดขึ้นมาเพื่อใช้ในการบอกทิศทาง คือวัดขนาดของมุมทางราบที่ วัดจากแนวทิศเหนือหลักเวียนตามเข็มนาฬิกามาบรรจบกับแนวเป้าหมาย ที่ต้องการมุมทิศอะซิมุทนี้จะมีค่าตั้งแต่ 0-360 องศา และเมื่อวัดมุมจากเส้นฐานทิศเหนือหลักชนิดใดก็เรียกทิศเหนือตามหลักนั้น


การบอกทิศทางแบบแบริง (bearing)


คือการบอกทิศทางเป็นค่าของมุมในแนวราบ ซึ่งวัดจากแนวทิศเหนือหลักไปยังแนวเป้าหมายในทิศทางตะวันออกหรือตะวันตก หรือวัดจากแนวทิศใต้หลักไปแนวเป้าหมายทิศตะวันออกหรือตะวันตก ดังนั้นขนาดของมุมแบริงจะมีค่าไม่เกิน 90 องศา การอ่านค่ามุมแบบแบริงจะเริ่มต้นด้วยทิศหลัก เช่นทิศทาง AB เบนจากทิศเหนือไปทิศตะวันตกเป็นมุม 75 องศา เรียกทิศทาง AB นั้นว่า มีมุมแบริง 75 องศาตะวันตก

กลองชุด




กลองชุด เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีกระทบ ประกอบด้วยกลองหลายใบ และฉาบ โดยใช้ผู้เล่นคนเดียว ถือไม้ตีกลองและฉาบทั้งสองมือ และใช้เท้าเหยียบกระเดื่อง เพื่อตีกลองใหญ่ และ Cymbals กลองชุดเป็นที่นิยมใช้กับงานดนตรีเกือบทุกประเภท


ส่วนประกอบ


เครื่องดนตรีในกลองชุด ประกอบด้วย



  • กลองเล็ก หรือ สะแนร์ดรัม (Snare drum) ประกอบด้วยแผงลวดขึงรัดผ่านผิวหน้ากลองด้านล่าง เพื่อให้เกิดเสียงกรอบ ๆ ดังแต๊ก ๆ ตัวกลองทำด้วยไม้หรือโลหะ และสามารถรัดให้หนังตึงด้วยขอบไม้ด้านบนและล่าง สามารถปลดสายสะแนร์เพื่อให้เกิดเสียงทุ้มดังตุ้มตุ้มได้ และตีกลองเล็กด้วยไม้ นิยมใช้กลองชนิดนี้ทั้งในวงดุริยางค์และวงดนตรี
  • กลองทอม (Tom-tom drum) หรือ เทเนอร์ดรัม (Tenor drum) มีขนาดใหญ่กว่าสะแนร์ดรัม เป็นกลองชนิดที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้สายสะแนร์ โดยทั่วไปบรรเลงในหมวดกลอง ใช้ไม้ชนิดหัวไม้หุ้มสักหลาด
  • กลองใหญ่ หรือ กลองเบส (Bass drum) เป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยตัวกลองที่ทำด้วยไม้และมีหนังกลองทั้งสองด้าน เสียงที่เกิดจากการตีกลองใหญ่จะไม่ตรงกับระดับเสียงที่กำหนดไว้ทางตัวโน้ต ตีด้วยไม้ที่มีสักหลาดหุ้ม ชนิดที่มีหัวที่ปลายทั้งสองข้าง ใช้เพื่อทำเสียงรัว
  • กลองทิมปานี (หรือกลองเค็ทเทิ้ลดรัม) เป็นกลองที่มีลักษณะเป็นหม้อกระทะ ซื่งมีหน้าหนังกลองหุ้มทับอยู่ด้านบน เป็นกลองชนิดเดียวที่ขึ้นเสียงแล้วได้ระดับเสียงที่แน่นอน เมี่อคลายหรือขันหน้ากลองโดยใม่ว่าจะใช้วิธีขันสกรูหรือเหยียบเพดดัล (ที่เหยียบ) ก็ไดั ไม้ที่ใช้ตีมีการหุ้มนวมตรงหัวไม้ตี ตีได้ทั้งเป็นจังหวะและรัว
  • ฉาบ หรือ เชมเบล (Cymbal) มีอยู่2ชนิดคือฉาบที่ใช้กับกลองชุดและฉาบที่ใช้เดิน





กลองชุด เป็นบทความเกี่ยวกับ เพลง ดนตรี หรือ เครื่องดนตรี ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น